ปริมาณสัมพันธ์ของก๊าซ
ก๊าซมีสมบัติฟุ้งกระจายและมีมวลน้อยมาก
การวัดมวลโดยตรงทำได้ยากจึงนิยมวัดในหน่วยปริมาตร
ซึ่งสามารถอธิบายโดยใช้กฎดังต่อไปนี้
1. กฎของเกย์ลุสแซก
ในปี พ.ศ. 2531 โซเซฟ-ลุย-เก-ลูซัก
ได้ทดลองวัดปริมาตรของก๊าซที่ทำปฏิกิริยาพอดีกันและปริมาตรของก๊าซที่ได้จากปฏิกิริยา
ณ อุณหภมิและความดันเดียวกัน
แล้วสรุปเป็นกฎการรวมปริมาตรของก๊าซว่า
"ในปฏิกิริยาเคมีที่เป็นก๊าซ
อัตราส่วนโดยปริมาตรของก๊าซที่ทำปฏิกิริยาพอดีกัน
และปริมาตรของก๊าซที่เกิดจากปฏิกิริยาที่อุณหภูมิและความดันเดียวกัน
จะเป็นเลขจำนวนเต็มลงตัวน้อย ๆ"
2. กฎอาโวกาโดร
ในปี พ.ศ. 2354 อาเมเดโอ อาโวกาโดร
ได้ศึกษากฎของเกย์-ลูสแซกและอธิบายว่าการที่อัตราส่วนโดยปริมาตรของก๊าซที่เข้าทำปฎิกิริยาและที่ได้จากปฏิกิริยาเป็นเลขจำนวนเต็มน้อยๆ
คงเป็นเพราะปริมาตรของก๊าซมีความสัมพันธ์กับจำนวนอนุภาคที่รวมตัวกันเป็นสารประกอบ
อาโวกาโดรจึงเสนอสมสุติฐานว่า "ที่อุณหภูมิและความดันเดียวกัน
ก๊าซทุกชนิดที่มีปริมาตรเท่ากันจะมีจำนวนโมเลกุลเท่ากัน"เช่น
ปฏิกิริยาระหว่างก๊าซไฮโดรเจนกับก๊าซออกซิเจนจนเกิดเป็นไอน้ำ
ไฮโดรเจน
| + ออกซิเจน
| -------> ไอน้ำ
|
2 cm3
| 1 cm3
| 2 cm3
|
2n โมเลกุล
| n โมเลกุล
| 2n โมเลกุล
|
2 โมเลกุล
| 1 โมเลกุล
| 2 โมเลกุล
|
หรือ 1 โมเลกุล
| 1/2 โมเลกุล
| 1 โมเลกุล
|
หรือ 2 อะตอม
| 1 อะตอม
| 2 อะตอม
|
หมายเหตุ
1.
ปริมาตรของก๊าซของสารตั้งต้นที่ทำปฏิกิริยากันจะเท่ากับหรือไม่เท่ากับปริมาตรของก๊าซของผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากปฏิกิริยา
เช่น
H2(g)
| + I2(g)
| -------> 2HI(g)
| 2CO(g)
| + O2(g)
| ------->
2CO2(g)
|
2 ปริมาตร
| =
| 2 ปริมาตร
| 3 ปริมาตร
| ไม่เท่ากับ
| 2 ปริมาตร
|
2. อัตราส่วนโดยปริมาตรของก๊าซต่าง ๆ
ในปฏิกิริยาจะเท่ากับอัตราส่วนโดยโมลของก๊าซต่าง
ๆ ในปฏิกิริยาเดียวกันนั้น เช่น
N2(g) + 3H2(g) ------> 2NH3(g)
อัตราส่วนโดยปริมาตร N2 : H2 :
NH3 = 1 : 3 : 2
อัตราส่วนโดยโมล N2 : H2 : NH3 = 1
: 3 : 2